• การอบซาวน่าใช้ความร้อนแบบแห้ง อุณหภูมิค่อนข้างสูง ในห้องซาวน่ามีอุณหภูมิสูงถึง 70-80 องศาเซลเซียส เหมาะกับคนที่ชอบความร้อนสูง ทำความร้อนจากระบบถ่านหิน แบบ อินฟาเรด เป็นต้น

  ส่วนการอบ สมุนไพรไอน้ำ เป็นระบบทำความร้อน แบบหม้อต้มสมุนไพร ไอร้อนมาจากหม้อต้ม มีระบบไฟควบคุมความปลอดภัยหน้าตู้ ใช้อุณหภูมิ 40-50 องศาที่เหมาะสมต่อร่างกาย

การอบสมุนไพรดีกว่าการอบซาวน่า เพราะมีสมุนไพร ซึ่งเป็นตัวยาช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งสบาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ หรือรักษาโรค การอบสมุนไพรถือว่าเป็นการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ ผิวหนังของคนเราจะเป็นส่วนที่กว้างที่สุด ดังนั้นการขับสารพิษส่วนเกินออกทางเหงื่อจึงได้ผลดีมาก เวลาที่ร่างกายทุกส่วนเกิดความร้อนขึ้นพร้อมกันมักจะทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัว และเลือดก็จะพรั่งพรูกันขึ้นมาที่ผิวหนังเป็นจำนวนมาก พาเอาสารเคมีส่วนเกิน เช่น โซเดียม โปตัสเซียม หรือสารอื่นๆ ที่รับเข้าไปเกินความต้องการนั้นถูกหลั่งออกมากับเหงื่อ และ ในเวลาเดียวกันนั้นนอกจากจะล้างพิษออกไปแล้ว เลือดที่มาเลี้ยงที่ผิวหนังมากขึ้น ยังช่วยนำพาสารอาหารที่ดีๆ มาให้ ผิวหนังจึงสวยขึ้นด้วยค่ะ

1. ห้ามอบขณะมีไข้สูง เพราะอาจมีการติดเชื้อโรคต่างๆ

2. ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงไม่ควรอบ

3. ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรืออาการ ดังต่อไปนี้ไม่ควรอบคือ ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด โรคลมบ้าหมู ตกเลือด หรือท้องเสียอย่างรุนแรง

4. สตรีขณะมีประจำเดือน

5. มีอาการอักเสบจากบาดแผลเปิดและปิด

6. อ่อนเพลีย อดอาหาร อดนอน หลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ

7. ปวดศรีษะชนิดวิงเวียนศรีษะและคลื่นไส้

8. ในขณะอบถ้ารู้สึกแน่นอึดอัดหายใจไมสะดวกควรหยุดทันที

9. ไม่ควรอบนานเกินไป เพราะร่างกายจะเสียน้ำและเกลือแร่ออกทางเหงื่อมากเกินไป

10. สตรีตั้งครรภ์ ห้ามอบโดยเด็ดขาด

• ขณะมีไข้สูง (มากกว่า 38 องศาเซลเซียส)

• โรคติดต่อร้ายแรง

• มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไต โรคหัวใจ โรคลมชัก โรคหอบหืดระยะรุนแรง โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่รุนแรง

• สตรีขณะมีประจำเดือน

• มีอาการอักเสบจากบาดแผลต่าง ๆ

• อ่อนเพลีย อดนอน อดอาหาร หรือหลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ

1. ใส่น้ำอุณหภูมิปกติลงในหม้อต้มครึงหม้อละใส่สมุนไพรสดหรือแห้งลงในหม้อ

2. เสียบปรั๊กหม้อต้ม เปิดสวิตไฟหน้าตู้ (ไฟสีแดง คือระบบไฟหม้อต้มไฟสีเขียว คือ หลอดส่องสว่างภายใน)และตั้งอุณหภูมิหน้าตู้ 40-45 องศา

3. รอให้น้ำเดือดประมาณ 10-15 นาที จึงเข้าอบได้

1. ค่าขนส่งสินค้าคิดตามระยะทางในการจัดส่ง

2. ทางบริษัทจัดส่งและติดตั้งถึงบ้านลูกค้า

3. สินค้าบางรายการหรือบางพื้นที่ จัดส่งทางขนส่งเอกชนหรือไปรษณีย์  หรือ Grab

1. การส่งสินค้าโดยบริษัทขนส่งเอกชน จะเป็นระบบเก็บค่าขนส่งปลายทางยกเว้นบางพื้นที่

2. ค่าสินค้ายังไม่รวมค่าขนส่ง

3. ค่าสินค้าชำระต้นทางทั้งหมด ส่วนค่าจัดส่งลูกค้าจ่ายปลายทางกับขนส่ง

4. กรณีได้รับสินค้าให้ตรวจเช็คสินค้าทันที หากเกิดความเสียหายในระหว่างการขนส่ง ทางบริษัทจะไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้

5. หากสินค้ามีการชำรุดหรือเสียหายในการขนส่งลูกค้าแจ้งกับขนส่ง ว่าไม่รับสินค้าและตีกลับ เพื่อนำสินค้ากลับมาเปลี่ยน

6. สินค้าออกจากต้นทางสภาพดี ทางบริษัทเช็คสินค้าทุกครั้งก่อนนำไปขนส่งทุกครั้ง